เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓o ต.ค. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ตั้งใจฟังธรรมเพื่อปลอบหัวใจไงปลอบประโลมหัวใจของเรานะประเทศชาติโศกสลด เวลาโศกโศกเพราะอะไรล่ะเห็นไหม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เพราะคุณงามความดีไงคุณงามความดีมันสะเทือนหัวใจนะ มันสะเทือนถึงก้นบึ้งของหัวใจเลย ก้นบึ้งของหัวใจมันสะเทือนสะเทือนเพราะอะไร สะเทือนเพราะความดีของท่าน

ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว คนทำความดี ดูทำความดีทางโลก ทำดีที่อยากให้เขายอมรับ ทำดีเขาไม่ยอมรับหรอก แต่ของท่าน ท่านสอนเองทำดี ให้ประชาชนรักกัน ให้คนอื่นรักกัน ไม่ต้องไปรักท่าน ทำเพื่อคนอื่น ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อชาติๆ

เราดูพวกที่มีความสามารถนะ เขาบอกในหลวงท่านเสียสละมาก ท่านชอบเรื่องการดนตรีท่านชอบอะไรต่างๆ มากเลย ถ้าให้ท่านทำนะ มันมีสิ่งที่งานกับวงดนตรีมหาศาลแต่ท่านเสียสละท่านชอบอะไรท่านรักอะไรโดยชีวิตของท่านนะท่านเสียสละ เสียสละเพื่อประชาชนไง ไปดูความทุกข์ความยากของเขาไปแบกรับสังคมของเขา ท่านเสียสละไง เพราะท่านเสียสละอย่างนั้นถ้าท่านไม่เสียสละอย่างนั้นท่านทำแต่ความชอบของท่านนะท่านจะมีผลงานของท่านมหาศาลเลย แต่ที่ท่านเสียสละไว้ ท่านทำของท่านพอว่ามีผลงาน แต่ท่านก็วางแล้วไปทำอย่างอื่นๆ ต่อ นี่คนทำเพื่อสังคมคนทำ ความดีมันถึงสะเทือนหัวใจพวกเราไง

พอสะเทือนหัวใจของเรานะ เวลาท่านเสียไป ท่านสวรรคต พอท่านสวรรคตไป มันผลัดแผ่นดิน คำว่า “ผลัดแผ่นดิน” เพื่อให้สังคมของเราได้เห็น ได้เห็นว่าเวลาเรามีสถาบันกษัตริย์เวลาผลัดแผ่นดินถึงคราวมันเป็นอย่างไร แต่นี่ท่านครองราชย์มา๗๐ ปี ๗๐ ปี ท่านทำคุณงามความดีมามากทำความดีมามากนี่พูดถึงว่าเวลาประเทศชาติโศกสลดนะ

ประเทศชาติไว้ทุกข์ๆ เราก็ไว้ทุกข์ แต่ไว้ทุกข์นะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด จงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” ก็นี่เป็นความจริงไงความจริงตรงไหนล่ะ ความจริงก็เกิดแก่ เจ็บ ตายเป็นความจริง มันเป็นธรรมนะ มันเป็นสัจธรรมอันหนึ่งนะ ถ้ามันเป็นสัจธรรมอันหนึ่ง“เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด”หมายความว่าความจริงมันเป็นแบบนี้ ถ้าความจริงเป็นแบบนี้เราไม่ฝืนหลักความจริง ถ้าเราไม่ฝืนหลักความจริงนะ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ทุกคนก็อยากจะรั้งไว้ทั้งนั้นน่ะ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างประโยชน์มหาศาลสร้างประโยชน์มหาศาลนะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานนะ พระอานนท์บอกเลย“ดวงตาของโลกดับแล้ว”

ฟังดูสิ รถไม่มีไฟมันไปได้อย่างไร รถไม่มีไฟกลางคืนมันเป็นปัญหาไปทั้งนั้นน่ะมันไปไม่รอดหรอก มันไม่มีไฟ นี่ก็เหมือนกันดวงตาของโลกๆคนไม่มีดวงตา“ดวงตาของโลกดับแล้ว ดวงตาของโลกดับแล้ว”

แล้วเราศึกษาในพระไตรปิฎกนะ ใครจะมีปัญหาอะไร จะทุกข์ยากอย่างไรที่ไหนฝนแล้ง มีโรคระบาด นิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปนะ ไปบำบัดภัยพิบัติเขาได้หมดนะ แล้วคนที่มีทุกข์มียากขึ้นมาในหัวใจ นี่ไงดวงตาของโลกๆเราทำอะไรไม่ถูกทำอะไรไม่เป็นไงดวงตาของโลกคอยบอก คอยสั่งคอยสอนไง คอยบอกเรา “ดวงตาของโลกดับแล้ว”

แต่ถึงเวลาท่านนิพพานไปแล้ว พระกัสสปะมาเฝ้าไม่ทันๆพอเฝ้าไม่ทัน สิ่งที่ชาวบ้านเขาเดินผ่านมาไง เขาถือดอกไม้ ดอกไม้สวรรค์ที่ว่ามางานศพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระกัสสปะถามว่า“ได้ข่าวเรื่องศาสดาของเราหรือไม่”

“โอ๊! เพิ่งนิพพานไปเมื่อ ๗วันที่แล้ว ดอกไม้ที่ถือมาก็ถือมาจากงานนั้น”

ถือมาจากงานนั้นๆ ไง พระที่มากับพระกัสสปะ ถ้าเป็นพระที่มีคุณธรรม เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด ถ้ามีธรรมเป็นที่พึ่งเถิดก็ธรรมสังเวชไงแม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องปรินิพพาน มันปลงธรรมสังเวชแต่พระที่ยังเป็นปุถุชนอยู่เขามีความทุกข์ความยากในหัวใจธรรมดา แต่มีหลวงตาอยู่องค์หนึ่ง “ดีแล้วแหละองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วมันจะได้ไม่ต้องมีใครคอยจี้คอยไชไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ทำนู่นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ไม่ได้ ผิดไปหมด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่อยู่แล้วเราได้อยู่สุขสบายกันไง”

มันสะเทือนหัวใจของพระกัสสปะมาก สะเทือนหัวใจของพระกัสสปะมาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่งนิพพานไปเดี๋ยวนี้นี่เอง ยังมีคนคิดอย่างนี้ๆ

ทีนี้เราจะย้อนกลับมาสังคมของเราไงเวลาในหลวงท่านสวรรคตไปแล้ว คนดีก็คือคนดี คนดีมันก็สะเทือนหัวใจทั้งนั้นน่ะ มันสะเทือนใจๆ เราก็อยากอยู่กับคนดี อยากอยู่กับความร่มเย็นเป็นสุข เราก็อยากจะสังคมร่มเย็นทั้งนั้นน่ะแต่มันเป็นข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ นี่ปลงธรรมสังเวช ผู้ที่ยังเป็นปุถุชนอยู่มันก็สะเทือนใจเราอยากดีไปหมดแหละ แต่เราไม่ต้องการสิ่งใดที่มันผิดหวังเลย สิ่งที่ผิดหวังไม่ชอบสิ่งที่เป็นทุกข์ไม่เอา จะเอาดีๆ ทั้งนั้นน่ะ มันไม่มีหรอก ไอ้หลวงตานั่นน่ะบอกเลย“นิพพานไปน่ะดีแล้ว มันจะได้ไม่ยุ่งกับเราอีก”

ไม่ยุ่งกับเรา ดูสิ แล้วเอ็งจะเอาชีวิตรอดอย่างไร เอ็งมีความรู้สึกนึกคิดอย่างนี้เอ็งทำอย่างไร ทำไม่ได้หรอก คนทำไม่ได้คนช่วยตัวเองไม่ได้ เราจะบอกว่าในสังคมมีทั้งคนดีและคนเลว คนที่ดีๆ มันเห็นแต่เรื่องดีๆ คนที่เลวคนที่เลวมันจะหาผลประโยชน์ทั้งนั้นน่ะ เวลาหาผลประโยชน์เสร็จแล้วมันเอาแต่ผลประโยชน์ของมันใช่ไหม อยู่ในเรือนั้นเอาแต่ผลประโยชน์ เวลาเรือมันจะจมมันถีบเรือทิ้งเลย

นี่ก็เหมือนกัน ประเทศชาติๆประเทศชาติมันของใคร ประเทศชาติ ดูสิ เวลาเราเกิดมาแล้วเป็นสุข ประเทศชาติของใครประเทศชาติไม่ใช่ของเรา แต่เราก็อยู่ในประเทศนี้ไงเราเกิดในประเทศนี้ เวลาพลเอกเปรมพูด เราต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เราต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เราเกิดกับแผ่นดินนี้ เราอาศัยความร่มเย็นเป็นสุขจากแผ่นดินนี้ เราทำมาหากินจากแผ่นดินนี้ เราอยู่สุขสงบจากแผ่นดินนี้ แผ่นดินนี้ๆไง แล้วเอ็งไม่รู้จักคุณของแผ่นดินนี้เลยหรือ

นี่ไง ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี ถ้าความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี มันดีที่ไหน มันดีที่หัวใจดวงนั้น ถ้าหัวใจดวงนั้นมันดีขึ้นมา มันคิดสิ่งใดทำสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงาม ความดีทำได้ยาก ความชั่วทำได้ง่าย ถ้าความชั่วไม่ต้องไปคิดสิ่งใดเลยปล่อยไปตามความพอใจของตน สำมะเลเทเมาไป มันหาประโยชน์มันได้ตลอดไป

แต่ทำคุณงามความดีทวนกระแส ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหมเราเกิดเป็นฆราวาส เราเกิดเป็นคน เกิดมาเป็นคนดีแล้วไปวัดทำไม ก็เป็นคนดีๆ มันก็ดีของคนไง มันดี ไปวัดไปวาทำไม ไปวัดไปวาเพื่อฟังธรรมๆ นี่ไง ฟังธรรมเตือนถึงการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ คนเรามันมีการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะแล้วถ้ามันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันก็ซ้ำๆซากๆ อยู่นี่ไง

คำว่า“ซ้ำๆ ซากๆ อยู่นี่” สร้างคุณงามความดี คำว่า“ซ้ำๆ ซากๆ” แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ทำบุญกุศล ถ้าบุญกุศลทำให้เกิดดี ทำให้เกิดแล้วประสบความสำเร็จ พอเกิดซ้ำเท่าไรมันก็ต้องพลัดพราก ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด เวลามันจะพลัดพรากไปจะไปเกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้ ทุกคนหวั่นวิตกว่าเราจะเกิดเป็นอะไรไม่รู้ในอนาคต แต่มันก็ต้องเกิด ปฏิเสธว่าไม่เกิดไม่ต่างๆมันไปของมันโดยธรรมชาติของมัน ใครจะเหนี่ยวรั้งมันไม่ได้ธาตุรู้ๆ มันหมุนของมันไป เพราะอะไร เพราะมีอวิชชา

ธาตุรู้มันปิดหูปิดตาด้วยอวิชชาคือความไม่รู้ตัวมัน มีธาตุรู้แต่ไม่รู้ตัวมันเพราะมันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะอย่างนี้ไงกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันกรรมจำแนกสัตว์เพราะการกระทำอันนั้นมันเป็นผลบุญผลกรรมของใจดวงนั้นไง ถ้าใจดวงนั้นมีมากมีน้อย ผลของกรรมกรรมดีกรรมชั่วพลังงาน พลังงานที่มันจะหมุนของมันไปไง ถ้าหมุนของมันไป มันหมุนไปในวัฏฏะไง

ถ้าการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะกรรมดีกรรมชั่วมันหมุนของมันไป ถ้าหมุนของมันไป ซ้ำๆ ซากๆแต่ถ้าอาศัยคุณงามความดีเพราะเรามีความสามารถเท่านั้นไงบัว ๔ เหล่า อยู่โคน ตายอยู่กับโคนนั้นน่ะ พอโผล่ขึ้นมาให้เป็นอาหารของเต่าไงเวลามันจะโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ บัว ๔เหล่า ในหัวใจของคนมันมีความรู้ความสามารถแค่ไหนไง ถ้ามันมีความรู้ความสามารถแค่ไหน จะทำคุณงามความดีทวนกระแส เห็นไหม

เราเกิดเป็นฆราวาส เราเกิดเป็นฆราวาสนะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นบุรุษเกิดมาแล้วไม่ได้บวชไม่ได้เรียนนี่เหยียบแผ่นดินผิดๆเพราะเวลาคนที่เป็นโรคเป็นภัยเขาจะหาหมอรักษาเขา เขาจะหาครูบาอาจารย์เพื่อจะดูแลรักษาเขา

นี่เหยียบแผ่นดินผิดๆ เกิดมาแล้วมันต้องเวียนว่ายตายเกิด โรคอวิชชาโรคหิวโรคกระหาย โรคทุกข์โรคยาก โรคประจำหัวใจไงแล้วสิ่งที่จะแก้ไขได้ก็คือธรรมโอสถไง ถ้าธรรมโอสถ สิ่งที่มีคุณธรรม มีอริยสัจ มีสัจธรรมมันสามารถจะแก้ไขสิ่งนี้ได้ทำไมไม่แสวงหา

ถ้าแสวงหา เหยียบแผ่นดินผิดๆ ไปโรงพยาบาลก็อยากให้มีหมอไปถึงโรงพยาบาลก็ว่า“โรคนี้หายไหมโรคหายไหม” แล้วเรามีอวิชชาความไม่รู้ คือความทุกข์ความยากในหัวใจนี้ก็เป็นโรคอันหนึ่งแล้วมีธรรมโอสถๆ ให้เป็นที่รักษา 

ถ้าคนบวชคนเรียน คนขวนขวายขึ้นมาเพื่อจะรักษา เกิดมาไม่เหยียบแผ่นดินผิด เพราะเกิดมาแล้วมันมีธรรมโอสถ มันมีโอกาส มีการกระทำไง แต่เราก็กระทำแต่หน้าที่การงานของเรากระทำแต่ทางโลกไง ทำแต่ความมั่นคงของชีวิตๆ แต่ไม่มีอะไรมั่นคง ตายหมด

ความมั่นคงของชีวิตไงแต่ความมั่นคงของชีวิต การกระทำ ที่มีสติมีปัญญา พอบวชขึ้นมา บวชขึ้นมาเวลาธรรมะสมัยพุทธกาลนะ มันมีเจ้าลัทธิต่างๆ ที่มีฤทธิ์มีเดชมหาศาลเลย แต่มาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้ฤทธิ์ปราบฤทธิ์เสร็จแล้ว แล้วเวลาปราบเสร็จแล้ว เธออยากศึกษาไหม อยากเรียนไหม สิ่งที่ดีกว่าๆ

ถ้าดีกว่าคืออะไรล่ะ ดีกว่าก็หายใจเข้านึกพุทหายใจออกนึกโธไง ดีกว่าก็บวชมาบวชมาแล้วสอนอริยสัจไง สอนอริยสัจ ศาสนาไหนไม่มีมรรคศาสนานั้นไม่มีผลวิธีการปฏิบัติในโลกนี้ไม่มี สิ่งที่ปฏิบัตินั้นเป็นฌานโลกีย์ เป็นเรื่องของโลก เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ เรื่องของผี เรื่องของไสยศาสตร์ ไม่มีอะไรเป็นความจริงทั้งนั้นเลย

แต่เพราะมีธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมรรคมีผล พอมีมรรคมีผล มีการกระทำ พอมีการกระทำ เขาก็อ้างอิงๆ ว่าเหมือนๆ ไง พยายามพูดให้เหมือน แต่ไม่เหมือนไงเหมือนไม่ได้เหมือนไม่ได้เพราะมันไม่มีความจริงไง

ฉะนั้น ถ้าศึกษา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เวลาบวชขึ้นมาแล้ว บวชขึ้นมานี่ทวนกระแสๆ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทวนกระแสโลกทวนกระแสโลกโลกเขาวัดกันด้วยความมั่งมีศรีสุข วัดกันด้วยโลกธรรม ๘ เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีแต่เสียสละ ละเท่าไร ทำลายเท่าไร สละออกเท่าไร ค้นออกเท่าไรนั้นต่างหากถึงจะเป็นสัจจะความจริงพระเราต้องมีมรรคมีผลนะ เป็นสมบัติไง อัตตสมบัติ สมบัติในใจของตนไงสมบัติในใจของตน ไม่ใช่สมบัติยศถาบรรดาศักดิ์ สูงส่งแค่ไหนก็ต้องตาย

แต่เวลาตายขึ้นมา ถ้าคำว่า “เหยียบแผ่นดินผิด เหยียบแผ่นดินถูก” ถ้าเราจะตายๆ ตายแล้วมีอะไรติดไม้ติดมือไป เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติจะรู้เลย จิตตคหบดี เขาทำบุญของเขามาก ในสมัยปัจจุบันนี้ก็มีคนที่นี่แหละ เวลาเขาจะตายไปเขาเห็นเลยว่ารถม้ารถเทียมม้ามาเลยเขาจะมารับไปนิมมานรดี คนที่นี่แหละ ย่าเขาจะตาย เขาบอกว่าย่าเขา เขาเหมือนจะไปปิกนิกนะเขาบอก “ย่าจะไปแล้วนะ”

ไอ้เราคนจะทุกข์ คนจะยากคนจะตายนะ มันต้องวิตกกังวลนะแต่นี่เขาบอกว่า“ย่าจะไปแล้วเนาะ”

แล้วลูกหลานถามว่า “ไปไหน”

“จะไปนิมมานนรดี”

“ไปอย่างไรล่ะ”

“นู่นไง รถเทียมม้ามารับน่ะ”

มันก็เข้าไปจิตตคหบดีเวลาจะตาย รถเทียมม้ามาเลย นี่เพราะเขาทำบุญกุศลของเขา เขาทำคุณงามความดีของเขา บุญกุศลนั้นมันพร้อมเขาไปสวรรค์ๆเราจะไปไหน คนที่เขาจะไปสวรรค์ๆ เขาเห็นกับตาเลย เขาเห็นเฉพาะของเขา เขาเห็นเฉพาะคนคนนั้นไง เพราะบุญของเขา

แต่เราไม่เห็นหรอก อยู่ด้วยกัน ๒ คน คนหนึ่งเห็น คนหนึ่งมองไม่เห็นหรอกมองไม่เห็นเพราะอะไร เพราะตาของโลกไง ตาเนื้อมันเห็นแต่เรื่องโลกนี่ไง แต่ตาธรรมๆ เขาไม่มี บุญกุศลของเขาในใจของเขาไม่ได้ทำ ถ้าบุญกุศลเขาทำของเขา เขาเป็นประโยชน์กับเขานี่เวลาเขาไปเขายังไปเลย เขาไปสวรรค์ของเขาเพราะบุญกุศลของเขา เขาทำของเขา

ฉะนั้น คนที่มีธรรมๆ เขารู้ถ้าคนที่มีธรรมคนที่มีสัมมาสมาธิ จิตสงบแล้วเวลามีปัญหาขึ้นมาเขาจะอยู่ของเขา เขาไปเกิดบนพรหม แต่ถ้าคนที่มีคุณธรรมในหัวใจที่เขามีมรรคมีผลของเขา นี่ไง มีมรรคมีผลของเขามันมีที่ไหน ก็มันมีที่หัวใจนี้ หัวใจนี้มันทุกข์มันยากหัวใจนี้ นี่ไง เขาเหยียบแผ่นดินไม่ผิด นี่แผ่นดินโลกนะ

แต่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ทำความสงบของใจเข้ามาๆ ใจสงบเข้ามา ใจที่สงบนั้นน่ะ ภวาสวะภพ สถานที่ สถานที่ที่จะรื้อจะค้นสถานที่ที่มันทุกข์มันยาก ถ้าใครเห็นสถานที่มันทุกข์มันยาก เรากลับบ้านเรา เรากลับบ้านเรา เราทำความสะอาดบ้านเรา เรามาอยู่นี่ เรามาวัดมาวาเรามาคุยกัน เรามาคุยกันวิธีเข้าบ้านเรา วิธีเปิดประตูบ้านเรา วิธีทำความสะอาดบ้านเรา แล้วทำที่ไหนล่ะ บ้านใครบ้านมัน สำหรับเรา พระไม่มีบ้านอารามิกชน อยู่วัดอยู่วา ไม่ใช่สมบัติของตน แต่ก็ต้องหาคูหาของใจให้เจอ หาหัวใจของตนให้พบ ถ้าหาหัวใจของตนพบ นั่นล่ะบ้านเรา นั่นล่ะสมถกรรมฐานฐานที่ตั้งแห่งการงาน

ถ้าเข้าบ้านแล้วเปิดประตูบ้านให้ได้ทำสัมมาสมาธิหาบ้านหาเรือนของตนให้เจอธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าใครทำความสงบของใจได้จะมีบ้านมีเรือนหลังหนึ่งไว้เป็นที่หลบฝนหลบแดด ถ้าคนที่ยังหาหัวใจของตนไม่เจอ ทำสัมมาสมาธิไม่เป็น เป็นคนเร่ร่อน เป็นคนไร้บ้าน คนเร่ร่อนคนไร้บ้านนอนตามถนนหนทางไปนอนตากแดดตากฝนกลางป่ากลางเขาเพราะไม่มีบ้าน แต่ใครทำพุทโธๆ ใครทำสมาธิ ถ้าจิตมันสงบได้ คนมีบ้านหลบแดดหลบฝน ฝนจะตกขนาดไหนก็หลบแดดหลบฝน

นี่ไง เวลาเราปรึกษากันๆว่าจะเข้าบ้านเราจะรักษาบ้านเราไปตบแต่งบ้านเรา ไปทำความสะอาดในบ้านเราไง บ้านเรา ถ้าสัมมาสมาธิ ถ้ายกขึ้นสู่วิปัสสนาเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิตเห็นธรรมตามความเป็นจริง มันจะเริ่มวิปัสสนาวิปัสสนาญาณวิปัสสนาคือมีความรู้แยกแยะแยกแยะในใจของตน ในใจของตนมีอะไรบ้านของเรามันมีที่ไหนรั่ว มีที่ไหนที่มันจะชำรุดเสียหาย บ้านของเรานี่ซ่อมๆๆ จนบ้านเราแข็งแรงไง ถ้าบ้านเราแข็งแรงเราทำให้มากขึ้นๆ เวลาถึงที่สุดนะ บ้านของตนก็ต้องทำลาย มันทำลายทั้งหมดเลย ถ้าไม่ทำลายทั้งหมด ภวาสวะภพ มีสถานที่อยู่ไม่ได้

ต้องค้นหาบ้านของตนให้เจอ ค้นหาบ้านของตนให้เจอ ทำบ้านของตนให้สะอาดผ่องแผ้วเห็นไหม จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้นี้หมองไปด้วยอุปกิเลสผ่องใส ใสเรืองแสง เป็นนามธรรมเป็นบ้านเรืองแสงเป็นบ้านไม่ใช่บ้านแบบวัตถุบ้านเรือนของเราเห็นไหม สุดท้ายแล้วต้องทำลายทั้งนั้นๆ นี่เวลาคนที่เขามีคุณธรรมของเขา มีคุณธรรมในใจของเขา เขารู้ของเขาหมด ถ้าเขารู้ของเขาหมด เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก มันเป็นในหัวใจของเราฉะนั้น พอมันมีสิ่งใดเกิดขึ้น มีสิ่งใดสะเทือนหัวใจ เราก็เข้าใจได้ เราเข้าใจได้

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน พระที่เป็นพระอรหันต์ตั้งแต่พระกัสสปะลงไป ธรรมสังเวชมันสะเทือนใจไงสะเทือนใจ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องปรินิพพานไปแล้ว แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็เตือนไว้ตลอดนะสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหลายทั้งปวงต้องดับไปเป็นธรรมดา สิ่งใดที่มีเกิดขึ้น ทั้งวัตถุ ทั้งสิ่งต่างๆ ในโลกนี้มันต้องแปรสภาพไปเป็นธรรมดา เป็นธรรมดา

แต่พวกเรานะ จะอยู่อาศัยกัน เราก็ดูแลรักษาเป็นเรื่องธรรมดา การดูแลรักษา พระ พระเอาของของสงฆ์มาใช้ ถ้าไม่รักษาไม่ดูแล เป็นอาบัติทุกกฏ นี่เอาของของสงฆ์มาใช้เสร็จแล้วจะเก็บจะอะไร ต้องทำความสะอาดของสงฆ์ เป็นของของสงฆ์ ของที่บำรุงรักษาเพื่อใช้ต่อไปเป็นความประหยัดมัธยัสถ์เราก็ต้องทำ

แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นต้องมีการดับไปเป็นธรรมดา มันต้องย่อยสลายเป็นธรรมดา ถ้าเรามีหลักมีเกณฑ์ในหัวใจของเรา เราฝึกฝนหัวใจของเราไว้แล้ว เราเห็นความย่อยสลายในหัวใจของเราไง เห็นความแปรปรวนในหัวใจของเราไงเห็นการถอดถอนกิเลสในหัวใจของเราแล้ว มันจะไปสงสัยอะไร มันได้ทำลายไปหมดแล้ว

บ้านของเขา เขาต้องแสวงหาบ้านของเขา เขาต้องพยายามรักษาบ้านของเขา เขาต้องทำคุณงามความดีบ้านของเขา แต่บ้านของเรา เราก็ได้ทำมาหมดแล้ว เราแสวงหาเจอแล้วเราได้ทำความสะอาดเสร็จแล้วเราได้ซ่อมแซมบำรุงรักษาจนดีแล้ว แล้วเราก็ได้ทำลายหมดแล้ว เรือนยอดของเรือน ๓ หลังนั้นคือความโลภความโกรธ ความหลง เราได้หักเรือนยอดของมันแล้ว มันมีอะไรเหลือ มันมีสิ่งใดอยู่ในโลกนี้ มันมีสิ่งใดในวัฏฏะ แต่สิ่งนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย” เราก็แสวงหากันอยู่นี่ไง

เราเกิดมาเป็นชาวพุทธนะเกิดเป็นชาวพุทธเกิดมาในร่มโพธิ์ร่มไทรของในหลวง ประเทศชาติสงบร่มเย็นตามอัตภาพเพราะคนมันเยอะคนมันเยอะแนวทางมันเยอะมันก็ทิ่มก็ตำเป็นเรื่องธรรมดาแล้วกระแสการเมืองของโลกมันผ่านมา ลมการเมือง ลมตะวันตก ลมตะวันออกลมแดง ลมประชาธิปไตยมันพัดไปตลอดทุกคนแสวงหาผลประโยชน์ทั้งนั้น ผู้นำที่ไม่เข้มแข็ง ผู้นำที่ไม่มองทะลุปรุโปร่ง จะเอาชาติเรารอดมาได้อย่างนี้หรือลัทธิการเมืองมันพัดมากี่รอบแล้วในโลกนี้

ตอนนี้ทุนนิยมมาแรงแล้วตอนนี้ทุนนิยมทางเศรษฐศาสตร์เขาก็บอกแล้ว ไปไม่รอด ไปไม่รอดระบบเศรษฐกิจมันจะต้องซักฟอกกันทีหนึ่ง คือมันต้องยกเลิกระบบเงินของโลกนี้หนหนึ่งแล้วเริ่มต้นกันใหม่ นี่ทางเศรษฐศาสตร์เขาคำนวณกันไว้

การเงินของโลกเรามันมีปัญหามาก ต่างคนต่างเอาเปรียบ ต่างคนต่างเห็นกับประโยชน์ของตนมันต้องสร้างระบบกันใหม่สักทีหนึ่ง ให้ความเป็นธรรมๆ ไง นี่ไง แต่เวลาเขากลัว เขากลัวในหลวงเศรษฐกิจพอเพียงคือความประหยัดมัธยัสถ์ความถือสันโดษในพระพุทธศาสนาสหประชาชาติบอกว่าทางรอดของโลกคือทางนี้คือทุกชาติ ทุกชาติเขายืนอยู่ได้ทุกชาติไม่เป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจ ทุกชาติไม่โดนเขาไปแสวงหาผลประโยชน์ ทุกชาติๆ ต้องยืนโดยตัวเองได้ไงสหประชาชาติเขาก็ยังยอมรับๆ แต่เพราะประเทศเรามันเป็นประเทศที่ว่าไม่ใช่มหาอำนาจ มันก็อยู่เย็นเป็นสุขในประเทศของเราไงไม่ได้คิดจะไปแย่งชิงสมบัติของใครแต่โลกเขาเป็นอย่างนั้น

นี่จะบอกว่า เราเกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ร่มไทรอยู่ในความคุ้มครองดูแลของในหลวง ท่านก็สวรรคตไปแล้วเราก็ต้องมีหัวใจมีคุณธรรมเพื่อให้อยู่กับความเป็นจริง ให้อยู่กับความเป็นจริงด้วยสติด้วยปัญญา เอาชีวิตเราให้มีความสุขตามอัตภาพของเรา

วันนี้วันพระนะ เราเป็นชาวพุทธนะ ชาวพุทธให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แก้วสารพัดนึกนึกอะไรไม่ออกนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วใช้สัจธรรม สัจจะข้อเท็จจริง สัจธรรมธรรมะนี่ไง แล้วค่อยคิดค่อยหาทางออกของเราทางออกของชีวิตนี้ไง

อย่าให้ชีวิตนี้อัดอั้นตันใจ ต้องมีทางออกของเราทั้งนั้นน่ะ ชีวิตนี้ยังต้องดำเนินการต่อไป ต้องเดินหน้าต่อไปเราต้องมีชีวิตอยู่จนกว่าถึงที่สุดหมดอายุขัยของแต่ละบุคคลไปเป็นคนๆ ไป แต่จิตนี้ไม่เคยตายมันจะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะของมันตลอดไปแต่เราก็ได้เห็นน่ะได้เห็นเวลาเจริญเจริญทางศีลทางธรรม เจริญด้วยน้ำใจ ไม่ได้เจริญด้วยวัตถุ ไม่ได้เจริญ เห็นไหมเขาบอกว่า ตอนนี้นะ ฝรั่งต้องหันมามองหมดเลยกรุงเทพฯ เกิดอะไรขึ้น เขางงน่ะมันไม่มีอยู่ในโลก

นี่เกิดจากคุณธรรม เกิดจากน้ำใจของคนฝรั่งมันงงกรุงเทพฯ เขาเป็นอะไรกันไปน่ะหยุดหมดเลย

เขาหยุดเพราะเขามีหัวใจของเขา เขาระลึกถึงพ่อของเขาเอวัง